รยออุครู้สึกร้อนวูบกับสิ่งที่ร่างหนาทำให้ในขณะนี้
แม้เขาจะเลือกเป็นฝ่ายไปเพื่อป้องกันความเจ็บปวดของตัวเอง
แต่ลึกๆแล้วในความรู้สึกกลับโหยหาคนตรงหน้านี้อยู่ตลอด แก้มเนียนใสถูกจับต้องโดยฝ่ามือแกร่งในเวลาต่อมา
ลมหายใจของร่างเล็กเริ่มสะดุดผิดจังหวะพอๆกับเสียงหัวใจเต้นถี่
“พี่คิดถึงนายจัง......รยออุค”
เสียงทุ้มแห้งผาดกระซิบแผ่วจากความจริงในใจ
เพียงคำสั้นๆแต่แฝงไว้ด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย...โหยหา...ต้องการ...และความเศร้า
ผมก็คิดถึงพี่...ร่างเล็กอยากจะตอบแบบนี้ออกไปนักหากแต่ติดที่ว่าเรื่องของฮยอกแจยังคอยรบกวนจิตใจเขาอยู่
ไม่อยากยอมแพ้ให้กับความต้องการของตัวเองทั้งๆที่รู้แจ้งแก่ใจว่าคนตรงหน้ารักใครอีกคนที่ไม่ใช่เขา...แต่เป็นคนที่เขาแย่งมา
นัยน์ตาทั้งสองยังสบกันนิ่งภายใต้ความมืดที่ครอบคลุมอยู่
ก่อนเยซองจะเป็นฝ่ายหักห้ามใจพลิกตัวนอนเหยียดตรง “นอนซะ ฝันดีนะ” ตรงตามคำพูด
เปลือกตาหนาปิดลงเพื่อตัดความรู้สึกต่างๆที่เกิดขึ้นมาให้สิ้น มือแกร่งกำแน่นเมื่อต้องพยายามข่มตัวเองให้กลับเข้าสู่ห้วงนิทรา
ก่อนใบหน้าคมจะรีบหันมองเจ้าของเสียงหวานที่เอ่ยถ้อยคำตัดการควบคุมของเขาออกมา
“ผมต้องการพี่นะ...”
กลีบปากหวานถูกถาโถมเข้าประกบด้วยจูบอันแสนดื่มด่ำและร้อนแรง
เยซองส่งสิ้นร้อนเข้าซอนลึกสำรวจทั่วขณะที่ลิ้นเรียวเกี่ยวกระหวัดตอบสนองเพราะอารมณ์ที่มีไม่แพ้กัน
มือแกร่งยกศีรษะร่างเล็กขึ้นเพื่อสอดแทรกความหวานอันล้ำลึก
ส่วนมืออีกข้างกอบกุมหน้าอกบอบบางเอาไว้ก่อนบีบมันเบาๆ
นิ้วหยาบเริ่มซุกซนสะกิดยอดอกที่ดันนูนขึ้นมาภายใต้เสื้อยืดสีขาว
รยออุคครางกระเส่า เสียงหวานถูกกลืนกินให้หายไปด้วยรสจูบอีกครั้ง
เยซองถอนจูบออกก่อนไล้ริมฝีปากให้ทั่วซอกคอเนียนผสมกลิ่นสบู่อ่อนๆ
นิ้วโป้งแกร่งออกแรงบดขยี้เสียจนร่างด้านใต้เสียซ่านจนต้องร้องออกมา
“อะ.....อ๊า.....” มือแกร่งดึงกึ่งกระชากถอดเสื้อตัวบางนั้นออกจนตรงชายขาดเป็นแนวยาว
ปากได้รูปเริ่มต้นหยอกเย้ากับยอดอกสีหวานจนชุ่มช่ำ ขณะที่มือข้างหนึ่งยังเอิ้นหยอกกับยอดอกอีกฝั่งที่เหลือ
รยออุครู้สึกได้ถึงความแกร่งร้อนภายใต้กางเกงของร่างหนาเช่นเดียวกับของเขาเองที่มันร้อนขึ้นเพราะต้องการให้ถูกสัมผัส
เมื่อลิ้มรสอกบางจนสมใจแล้วกลีบปากร้อนบรรจงจูบพรมลงมาจนถึงหน้าท้องแบนราบ
ร่างเล็กแอ่นสะโพกรับเมื่อเข้าใกล้ส่วนอ่อนไหวของเขาเข้าไปทุกที มือแกร่งไม่รอช้าถอดกางเกงนอนขายาวสีฟ้าอ่อนพร้อมชั้นในบางสีขาวของคนด้านล่างทิ้งไว้ข้างเตียง
เผยให้เห็นส่วนอ่อนไหวที่กำลังร้อนและเครียดครัด
ลิ้นร้อนไล้ลงบนแกนกายร่างเล็กก่อนจะครอบครองทั้งหมดไว้พร้อมใช้มือช่วยชักเข้าออกเป็นจังหวะ
“...อ๊า......พี่...เยซอง.....ฮึก.......อ๊ะ.....อา...”
รยออุครางพลางหอบหายใจถี่
สะโพกเนียนแอนขึ้นตามจังหวะกอบกุมที่ร่างหนามอบให้ จนในที่สุดน้ำสีขุ่นก็ผลิพุ่งออกมา
ล้นร้อนเริ่มเลียไล้ทำความสะอาดจนเกลี้ยงพร้อมปลุกส่วนอ่อนไหวให้ขยายขึ้นเพราะความร้อนอีกครั้ง
“พี่ไม่ยอมให้นายสบายคนเดียวหรอกนะ...ในเมื่อพี่ยังอึดอัดอยู่เลย”
น้ำเสียงทุ้มแหบพร่าน้อยๆกระซิบบอกข้างหู
ลมหายใจอุ่นประรดต้นคอให้เคลิบเคลิ้ม เยซองจัดแจงถอดเสื้อผ้าตัวเองออกบ้าง
ไม่เหลือไว้ปกปิดร่างกายสักชิ้น ตาคู่หวานสำรวจแกนกายแกร่งร้อนที่ขยายเต็มขนาด
ใบหน้าหวานช้อนมองผู้ที่กำลังรุกรานช่องทางด้านหลังของเขาอยู่ ยิ้วหยาบถูกส่งเข้าสำรวจโพรงอ่อนนุ่มของรยออุค
จากหนึ่งค่อยๆเพิ่มขึ้นจนถึงสาม
“ชุ่มฉ่ำเชียวนะ”
“...อืม.....อ้า......ก็เข้ามาสักทีสิฮะ...”
ร่างเล็กแยกแย้มเรียวขาออกกว้าง
ริมฝีปากอิ่มถูกกัดไว้เพื่อยวนเย้าอารมณ์ร่างเหนือตัวเอง แกนกายร้อนของแยซองเริ่มกระตุกตอบสนองต่อทีท่าเชิญชวนนั่น
ร่างหนาจับขาเรียวของรยออุคพันรอบเอวมีมัดกล้ามของตนไว้
เจ้าตัวค่อยฝังแกนกายลงในช่องทางอ่อนนุ่มเชื่องช้าจนสุดความยาว
ร่างเล็กนิ้วหน้าน้อยๆเพราะความอึดอัดในคราแรก เยซองหันมาหยอกเย้ากับยอดอกสีหวานอีกครั้งเพื่อสร้างอารมณ์วาบหวามให้แก่คนร่างเล็ก
“อ๊ะ...พี่เริ่มเถอะ.....ผม....อา.....ต้องการ”
เยซองยิ้มน้อยๆกับความต้องการจากปากร่างเล็กที่น้อยครั้งจะได้ยิน
ร่างหนาเลือกที่จะไม่ขัดใจเพราะแกนกายของเขามันร้อนราวกับจะพลิพุ่งใส่คนตัวเล็กได้ทุกเมื่อ
เจ้าตัวถอนกายออกมาก่อนจะกระแทกกลับเข้าไปสุดความยาวใหม่ “อ๊ะ!”
เสียงหวานครางพร้อมแอ่นสะโพกรับ
มือแกร่งจับสะโพกกลมไว้แน่นก่อนกระทำแบบเดิมซ้ำอีกหลายรอบ
หนักหน่วงและเร็วขึ้นเรื่อยๆ
“แฮ่กๆ.....รยออุค...อา....”
“...พี่....อ๊ะๆ...อึก....พี่เยซอง....แรงอีก.....อ๊า...”
เยซองจัดการทำตามคำเรียกร้อง
แกนกายร้อนขยับเข้าออกเป็นจังหวะ
เช่นเดียวกับร่างเล็กที่เสียวซ่านจนต้องแอ่นสะโพกค้างไว้
มือเรียวข้างหนึ่งกำผ้าปูที่นอนแน่นขณะที่อีกข้างทั้งจิกและข่วนแผ่นหลังกว้างตามอารมณ์ที่สูบฉีดอยู่
“อ๊ะ...ผม...จะ...ไม่ไหวแล้วนะ...แฮ่กๆ....อ๊า~”
“อา~.......”
เยซองเร่งสุดความเร็วก่อนทั้งสองจะถึงจุดหมายปลายทางทั้งคู่
น้ำสีขุ่นฉีดเข้าเต็มช่องทางด้านหลังเยอะเสียจนไหลย้อนออกมาเลอะผ้าปูเตียงสีขาว เช่นเดียวกับของร่างเล็กที่หลั่งออกมาเลอะกล้ามท้องเป็นมัดสวยของเยซอง
ทั้งคู่หอบเหนื่อยตัวโยนหากแต่ร่างหนากลับไม่ยอมถอนแกนกายออก
หนำซ้ำยังขยับเข้าออกก่อนความแกร่งร้อนจะถูกขยับขยายขึ้นมาใหม่
รยออุคคลี่ยิ้มน้อยๆที่คนตรงหน้าใจตรงกันกับเขา
มือเรียวโอบกระหวัดรอบลำคอแกร่งเพื่อเตรียมเริ่มบทเพลงรักร้อนในยกถัดไป...
/ปัง!.../
ประตูห้องนอนถูกเหวี่ยงออกอย่างแรงก่อนเผยให้เห็นบุคคลที่ไม่คาดคิดว่าจะมาอยู่ที่นี่ได้
บุคคลทั้งสองที่กอดกันกลมอยู่บนเตียงถึงกับตกตะลึงตาค้าง
ส่วนคยูฮยอนรีบละมือจากปลายเสื้อเชิ้ตผู้มาใหม่มาปิดตาตัวเองทั้งสองข้างไว้
ลีฮยอกแจแทบลืมวิธีหายใจเมื่อภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้ามันช่างทำร้ายจิตใจเขาเสียเหลือเกิน
ใบหน้าคมรู้สึกด้านชาราวกับถูกตบหน้าเข้าฉาดใหญ่
นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนหลุบต่ำพร้อมกั้นน้ำตาเอาไว้ มือใหญ่คว้าประตูปิดกลับเข้าที่ตามเดิมก่อนทรุดลงหมดแรงกับพื้น...
...พระเจ้าครับ...
...ผมมาช้าไปใช่มั้ย?...
+++++++++++++++++++++++++
“รยออุคอยู่ที่สนามบินน่ะ
เคอาร์วายต้องบินไปทำงานที่ญี่ปุ่นคืนนึง พรุ่งนี้เช้าคงกลับ”
คำพูดของหัวหน้าวงก่อนเริ่มจัดรายการวิทยุคิสเดอะเรดิโอยังคงแจ่มชัดในหัวสมอง
ร่างสูงกำกระดาษสคริปท์ในมือแน่นจนยับ
ห้วงความคิดไม่ได้อยู่ติดกับงานตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย เสียงเพลงติดอับดับชาร์ทดังคลอเคล้าไปทั่วสถานีแต่หาได้เข้าหูลีฮยอกแจไม่
เขากำลังหวั่นใจอย่างมากที่รยออุคกับเยซองมีโอกาสได้ใกล้ชิดกันขนาดนี้
แม้จะมีตัวป่วนอย่างคยูฮยอนพ่วงติดไปด้วยแต่ไม่มีสิ่งใดรับประกันได้ว่าความลับของเขาจะไม่พังครืนลง
ยิ่งคิด...
ก็ยิ่งกระวนกระวายใจ...
อีทึกกดสลับสวิตช์เมื่อจบเพลงเพื่อกลับเข้าสู่รายการอีกครั้งหนึ่ง
ร่างบางออกปากพูดเป็นต่อยหอยในขณะที่ฮยอกแจเพียงทำเป็นหัวเราะผสมโรงไปเท่านั้น
ร่างสูงทนฝืนนั่งอยู่เฉยกับที่จนจบรายการลงโดยไม่ลืมกล่าวสโลแกนของคิสเดอะเรดิโอตบท้าย
“นายไม่สบายรึเปล่าเนี่ย?
วันนี้พูดน้อยมากนะ” หัวหน้าวงเอ่ยถามถึงอาการที่แปลกไปจากปกติ
มือเรียวยกขึ้นแนบกับหน้าผากคนตรงหน้า
คนถูกถามนิ่งงันไปสักพักระหว่างขบคิดอะไรบางอย่างไปด้วย
“เอ่อ...วันนี้พี่กลับหอไปก่อนเลยนะครับ
ผมอยากกลับบ้านไปหาพี่โซราสักหน่อย” ฮยอกแจยกบุคคลในครอบครัวขึ้นมากล่าวอ้าง
มือใหญ่คว้ากระเป๋าขึ้นสะพายก่อนรีบรุดออกจากตัวตึกสถานีทางด้านหลังที่ไม่ค่อยมีคน
ร่างสูงเรียกรถแท็กซี่ที่ผ่านมาพอดีเพื่อตรงไปยังจุดหมายปลายทางสำคัญ
“ไปสนามบินอินชอนครับ”
แสงไฟตามข้างทางถูกประดับไว้อย่างสวยงามตระการตา
มีคู่รักหลายคู่พากันเดินจูงมือชื่นชมมันแน่นขนัดตลอดเส้นทาง
นัยน์ตาสีน้ำตาลจับจ้องที่ภาพเหล่านั้นเพียงผ่านๆก่อนมือใหญ่จะหยิบโทรศัพท์มือถือคู่ใจขึ้นมากดโทรออก
“ผมอยากได้ที่นั่งชั้นบิสสิเนสไปญี่ปุ่นเที่ยวที่เร็วที่สุดครับ...ตอนตีหนึ่ง?”
เจ้าตัวก้มดูนาฬิกาข้อมือดิจิตอลที่ปรากฏเวลา 00.25 am อยู่ “ได้ครับ” น้ำเสียงนุ่มกรอกข้อมูลต่างๆให้คนปลายสายได้รับรู้
ถือเสียว่าเป็นโชคดีของเขาอยู่เพราะการทัวร์คอนเสิร์ตทำให้สมาชิกในวงจำต้องมีพาสปอร์ตติดตัวด้วยกันทุกคน
ร่างสูงรีบรุดไปรับตั๋วเครื่องบินทันทีที่รถแท็กซี่ถึงที่หมาย ฮยอกแจผ่านกระบวนการต่างๆก่อนขึ้นเครื่องเตรียมพร้อมทะยานสู่น่านฟ้าไปยังประเทศญี่ปุ่น...
ลีฮยอกแจโทรหาผู้จัดการแทบินทันทีที่มาถึงเพื่อถามเกี่ยวกับข้อมูลที่พัก
แม้จะเสียเวลาสื่อสารกับรถแท็กซี่ไปบ้างแต่ในที่สุดก็ดิ้นรนมาถึงหน้าประตูห้องพักจนได้
มือใหญ่ยกขึ้นเคาะสองสามที ไม่นานนักบานประตูไม้โอ้กสีนวลก็ถูกเปิดออกพร้อมปรากฏหน้าตางัวเงียของมักเน่ในวง
“เฮ้ย! พี่มาที่นี่ได้ไง?”
คยูฮยอนตาโตใส่ผู้มาเยือนกลางดึก
ยังไม่ทันได้รับคำตอบคนถูกถามก็ถือวิสาสะรุกรานเข้ามาในห้องเสียแล้ว
น้องเล็กปิดประตูห้องตามหลังก่อนเดินตามฮยอกแจมาติดๆ “พี่มาทำอะไรที่นี่ตอนตี 4
เนี่ย? อีกสามชั่วโมงพวกผมก็ต้องเช็คเอาท์แล้วนะ”
“รยออุคล่ะ?”
“นอนอยู่ในห้องน่ะพี่”
ร่างโปร่งตอบคำถามพลางหาวกว้างออกมา “กับพี่เยซอง ผมอยากนอนโซฟาก็เลยให้รยออุคนอนในห้.....เหวอ
อะไรเนี่ย?” คยูฮยอนร้องเสียงหลงเมื่อเจ้าตัวถูกไก่ประจำวงกระชากคอเสื้ออย่างแรงจนเซ
“นาย-บอก-ว่า-ใคร-นอน-อยู่-ใน-ห้อง-กับ-ใคร-นะ?”
น้ำเสียงที่เคยนุ่มนวลกดต่ำเน้นหนักชัดเจนในแต่ละพยางค์
“พี่เยซองกับรยออุค...”
มือใหญ่ปล่อยคอเสื้อคยูฮยอนให้เป็นอิสระ
ลีฮยอกแจก้าวฉับๆไปยังประตูห้องนอนด้วยหัวใจที่เต้นระทึก
ภาวนาเพียงให้ภาพที่เขากำลังจะได้เห็นต่อไปนี้คือความหมางเมินของคนสองคนที่ยังไม่จางหายไป
“เดี๋ยวสิพี่
สองคนนั้นคงหลับไปแล้วล่ะ มีอะไรไว้ค่อยคุยพรุ่งนี้เช้าดีกว่า”
น้องเล็กยังคงเดินตามผู้เป็นพี่ต้อยๆ
ฝ่ามือใหญ่เอื้อมจะคว้าแขนไว้ให้หยุดหากแต่จับได้ทันเพียงชายเสื้อเชิ้ตเท่านั้น
/ปัง!.../
ประตูห้องนอนถูกเหวี่ยงออกอย่างแรงก่อนเผยให้เห็นบุคคลที่ไม่คาดคิดว่าจะมาอยู่ที่นี่ได้
บุคคลทั้งสองที่กอดกันกลมอยู่บนเตียงถึงกับตกตะลึงตาค้าง
ส่วนคยูฮยอนรีบละมือจากปลายเสื้อเชิ้ตผู้มาใหม่มาปิดตาตัวเองทั้งสองข้างไว้
ลีฮยอกแจแทบลืมวิธีหายใจเมื่อภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้ามันช่างทำร้ายจิตใจเขาเสียเหลือเกิน
ใบหน้าคมรู้สึกด้านชาราวกับถูกตบหน้าเข้าฉาดใหญ่
นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนหลุบต่ำพร้อมกั้นน้ำตาเอาไว้
มือใหญ่คว้าประตูปิดกลับเข้าที่ตามเดิมก่อนทรุดลงหมดแรงกับพื้น...
...พระเจ้าครับ...
...ผมมาช้าไปใช่มั้ย?...
.
.
.
รยออุคจัดแจงสวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อย
ร่างเล็กทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงนุ่มด้วยความเหนื่อยอ่อน ความรู้สึกเจ็บแปลบๆเล่นพล่านบริเวณสะโพก
เปลือกตาบางปิดลงสักพักก่อนเปิดกลับขึ้นมาอีกครั้งพร้อมหยาดเหงื่อที่พราวผุดทั่วใบหน้าหวาน
ทำอย่างไรก็สลัดแววตาเจ็บปวดของฮยอกแจทิ้งไม่ได้เสียที
นัยน์ตาสีน้ำตาลคู่นั้นเริ่มคลอด้วยน้ำใสก่อนหน้าประตูห้องจะปิดลงเพียงชั่วอึดใจ
ทั้งที่คนๆนั้นทำอะไรให้เขาตั้งมากมายภายในช่วงเวลาสั้นๆ แต่ดูสิ่งที่เขาตอบแทนกลับไปสิ...
การคบกับคนที่ไม่ได้รัก
มันทุกข์เสียยิ่งกว่าการปล่อยให้คนที่เรารักไปมีความสุขกับคนอื่นอีกนะ...เพราะไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นยังไง
นั่นก็คือสิ่งที่นายได้เลือกไปแล้ว...
ใช่แล้ว
ความทุกข์จากการมองดูผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นของมันช่างทุกข์ทรมานยิ่งนัก
เขากำลังทำให้คนที่รักเขาต้องเจ็บปวด และเมื่อย้อนมองความจริงอันน่าเจ็บปวดยิ่งกว่านั่นคือคนที่เขารักไม่ได้รักเขาเลย
พอเสียที...
“พี่ออกไปหาพี่ฮยอกแจเถอะ...”
เสียงหวานเอ่ยขึ้นทำลายบรรยากาศเงียบสงัดภายในห้อง
เยซองหันมองคนพูดขณะสวมเสื้อยืดปกปิดร่างกายกำยำ
“ผมจะคืนเขาให้พี่แล้ว...ผมไม่อยากแย่งเขามาจากพี่อีกแล้ว”
“นายหมายถึงอะไร?”
เยซองเอ่ยถาม เขาไม่เข้าใจสักนิดถึงเนื้อหาที่ร่างเล็กกำลังพูดกับเขาอยู่
นิ้วหยาบดันสวิตช์ไฟในห้องขึ้น
แสงไฟสีนวลส่องสว่างเผยให้เห็นใบหน้าหวานหยดฉายแววอมทุกข์
“ผมขอโทษที่ผมเห็นแก่ตัว
เพราะผมกลัวตัวเองจะเจ็บปวดถึงได้แย่งเขามาจากพี่ ผมไม่ต้องการแก้แค้นพี่แล้ว
พี่รีบไปอธิบายให้คนที่พี่รักเข้าใจเถอะ...”
หยาดน้ำตาไหลอาบแก้มเนียนทันทีที่พูดจบ รยออุคเม้มปากแน่นเพื่อกลั้นเสียงสะอื้น
เขาจะไม่ร้องไห้อย่างน่าสงสารเพื่อให้คนที่รักเห็นใจ
ครั้งนี้เขาจะยอมปล่อยมือและเดินออกมาแต่โดยดี
เยซองรู้สึกราวกับตนเองกำลังประสาทเสียกับสิ่งที่ได้ยิน
แม้จะไม่เข้าใจถึงความหมายแต่ก็รู้ถึงใจความสุดท้ายที่มันออกจะบิดเบือนจากความจริงไปมากอยู่
ขายาวพาเจ้าของร่างมาหยุดยืนตรงหน้ารยออุคก่อนจะคุกเข่าลง
นัยน์ตาดำขลับช้อนขึ้นสบสายตาหวานของคนที่นั่งอยู่ “นายบอกพี่ว่า ใคร-รัก-ใครนะ?”
.
“ไอ้ฮยอกแจ
แกอย่าอยู่เลย!!”
เสียงทุ้มตะโกนขึ้นทันทีที่บานประตูห้องนอนถูกเปิดออก
เยซองมุ่งตรงมายังโซฟาซึ่งมีร่างของคู่กรณีนั่งอยู่ มือแกร่งกระชากคอเสื้อเชิ้ตด้วยแรงโทสะโดยที่อีกฝ่ายไม่มีทีท่าขัดขืนเลยแม้แต่น้อย
หมัดหนักซัดเข้าเต็มใบหน้าหล่อเหลาของลีฮยอกแจ
“สารเลวเอ๊ย!”
ร่างหนาก่นด่า เตรียมกำปั้นไว้พร้อมกระหน่ำซ้ำต่อหากแต่ถูกรยออุคกับคยูฮยอนรีบปราดเข้ามาห้ามทัพไว้เสียก่อน
ดูจากสีหน้าคมแล้วหากไม่มีคนรั้งไว้คงไม่มีวันรามือเป็นแน่
“พี่เยซอง
ค่อยๆคุยกันเถอะฮะ!”
“พี่ครับ
ใจเย็นก่อนสิ หน้าพวกเราสำคัญในการทำงานนะ!”
คยูฮยอนเอ่ยระหว่างล็อกแขนแกร่งข้างหนึ่งของคนเลือดขึ้นหน้าไว้ เมื่อเห็นว่าพี่สี่ของวงสงบสติอารมณ์ไม่ได้สักทีจึงจำใจใช้คำขู่แทน
“ถ้าพี่ไม่หยุดผมจะโทรหาพี่ผู้จัดการแทบินเดี๋ยวนี้เลย!”
ดูเหมือนกลวิธีหลังจะได้ผลชะงัก
เยซองฝืนให้ตัวเองยืนนิ่งพร้อมสะบัดแขนทั้งสองข้างจนหลุดจากการจับกุม ร่างหนาก้าวเดินหนีไปยังถังขยะใบเล็กหน้าห้องน้ำก่อนเตะมันเข้าเต็มแรงเพื่อระบายอารมณ์
“แกทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร?
แค่อยากเอาชนะฉันงั้นหรอ!?” เสียงทุ้มใส่อารมณ์ลงในประโยคคำถาม
นัยน์ตาคมตวัดมองคู่กรณีพร้อมกัดฟัดแน่นกรอด รยออุคจับจ้องไปยังคนตอบเช่นกัน
เขาเองก็อยากจะรู้ถึงเหตุผลนั้น
“เพราะฉันรักรยออุคน่ะสิ”
ฮยอกแจกล่าวออกมาอย่างไม่เกรง “มันไม่แฟร์เลยทั้งที่ฉันกับรยออุคเราดูเข้ากันได้ดีมากกว่าไม่ว่าจะด้านนิสัยหรือความคิด
แต่นายกลับเป็นคนที่ได้ใจเขาไป
คนอย่างนายที่เอาแต่ทำตัวงี่เง่าบ่อยๆจนรยออุคต้องเสียใจไม่รู้ตั้งกี่ครั้ง!”
ร่างสูงเม้มปากแน่น “ตลอดเวลาฉันทำได้แค่เฝ้ามองอยู่ห่างๆ
ได้แต่คิดว่าถ้าเป็นฉันจะไม่มีวันทำอย่างที่นายทำ
ฉันจะยอมให้ทุกครั้งที่เราทะเลาะกัน
ฉันจะปล่อยให้เขามีอิสระได้ตามที่เขาต้องการ.....ทั้งที่เราเหมาะสมกัน แต่ทำไม.....ไม่ว่ายังไงรยออุคก็ยังเลือกนาย!!” นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนสะท้อนความเจ็บปวดออกมา
รยออุคยกมือทั้งสองขึ้นปิดปากตนเองก่อนปล่อยหยาดน้ำใสไหลคลอเคล้าแก้มเนียน
ร่างหนารู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องเมื่อได้เห็นภาพนั้น
เยซองเองก็ตระหนักถึงสิ่งที่ฮยอกแจกล่าวเสมอมา
เขาถึงได้ยอมปล่อยมือง่ายๆตอนรยออุคเลือกที่จะจากไป
“ฉันรู้ตัวเองอยู่เสมอว่าเป็นผู้ชายงี่เง่าคนหนึ่ง...”
เยซองยอมรับ ดวงตาคมหนักแน่นยามทอดมองยังร่างเล็กของคนรัก “ฉันรู้ว่าคงไม่สามารถเปลี่ยนนิสัยตัวเองได้แม้มันอาจทำให้เกิดปัญหาขึ้นเป็นประจำ
เหมือนกับความรู้สึกที่ฉันมีต่อเขา...ฉันเลิกรักรยออุคไม่ได้”
เจ้าของชื่อเผยยิ้มหวานทั้งน้ำตาเช่นเดียวกับเยซองที่ส่งยิ้มอบอุ่นตอบกลับไปเช่นกัน
ฮยอกแจเบือนหน้าหนีภาพทิ่มแทงใจตรงหน้าโดยมีคยูฮยอนยืนตบไหล่เป็นกำลังใจให้อยู่ข้างๆ
“หึ” ร่างสูงแค่นหัวเราะออกมา ถึงคราวต้องยอมแพ้จริงๆแล้วสินะ...
...อะไรที่มันไม่ใช่ของๆเรามาตั้งแต่แรก…
...ไม่ว่าจะดื้อดึงยื้อไว้ด้วยวิธีไหน...
...สุดท้าย...
...ก็คงต้องคืนกลับไปให้เจ้าของที่แท้จริงอยู่ดี...
++++++++++++++++++++++++++++
-1เดือนต่อมา-
อย่างที่เขาว่ากันว่าฟ้าหลังฝนย่อมเป็นอะไรที่สดใสเสมอ
ชายหนุ่มร่างสูงกำลังหมกมุ่นอยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์โน้ตบุ้คสีดำมันเงายี่ห้อดัง
นิ้วยาวระรัวแป้นพิมพ์เพื่อโพสข้อความอัพเดตสถานะในทวิตเตอร์ของตนเอง
โดยไม่ลืมคลิกเข้าไปดูหน้าโปรไฟล์ของคนสำคัญ
ryeong9...
ฮยอกแจคลี่ยิ้มบางทันทีที่เห็นภาพถ่ายคู่ถูกอัพขึ้นไซด์
ชายหนุ่มทั้งสองในภาพพากันยิ้มกว้างให้กล้อง...เยซองกับรยออุคนั่นเอง
หลังจากพวกเขาทั้งหมดกลับจากญี่ปุ่นคงไม่ต้องบอกว่าฮยอกแจจะโดนรุมสวดยาวตั้งแต่หัวหน้าทีมผู้จัดการไล่ลำดับลงมายันหัวหน้าวงเลยทีเดียว
ร่างสูงถูกกักบริเวณห้ามไม่ให้ไปไหนตามลำพังนานสามเดือน
ส่วนรอยฟกช้ำตรงมุมปากเจ้าตัวก็ถูไถให้การไปว่าสะดุดล้มปากชนมุมโต๊ะพอดิบพอดีแทน
“ยังทำใจไม่ได้อีกรึไง?”
น้ำเสียงละมุนแฝงไว้ด้วยความกวนประสาทเอ่ยถามขึ้นจากทางด้านหลัง
คนถูกถามเหลียวมองก็พบลีซองมินเดินเข้ามาในห้องพร้อมจานบรรจุผลไม้หั่นเรียงรายไว้สวยงาม
หนุ่มกระต่ายทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงนุ่มก่อนหยิบแตงโมชิ้นเล็กเข้าปาก
ฮยอกแจนึกถึงเหตุการณ์หนึ่งหลังเขากลับมาจากญี่ปุ่นได้ไม่นาน...
ชายหนุ่มร่างสูงนั่งนิ่งอยู่บนเตียงนอนนุ่มของตนเอง
นัยน์ตาที่เคยฉายแววขี้เล่นบัดนี้มีแต่ความหม่นหมองแสดงออกมา แม้รยออุคจะไม่ติดใจเอาความแต่สิ่งที่เขาทำลงไปเป็นผลให้เข้าหน้าสองคนนั้นไม่ติดเท่าไหร่
จมูกโด่งได้รูปถอนหายใจออกมาเมื่อดวงตาคมมักเผลอมองไปยังเตียงนอนว่างเปล่าที่ที่ร่างเล็กเคยนอนอยู่ทุกครั้งไป
“จะไม่ออกไปกินข้าวเย็นหน่อยหรอ?”
เสียงใสจากลีซองมินขัดห้วงจังหวะความคิดให้หยุดลงเพียงแค่นั้น ฮยอกแจส่ายหน้าน้อยๆแทนคำตอบด้วยท่าทีเลื่อนลอย
ดวงตากลมโตสำรวจทุกอิริยาบถของคนตรงหน้าก่อนสบถขึ้นมาเบาๆ “งี่เง่า...”
เหมือนเส้นความอดทนที่มีมาต่อเพื่อนร่วมวงคนนี้ได้ขาดผึงลง
แรงโทสะเริ่มเข้าครอบงำทำให้ร่างสูงไร้ความยับยั้งชั่งใจก่อนพูดไป
“ออกไปห่างๆฉันเลยนะซองมิน คำพูดของนายแต่ละครั้งมันทำให้ฉันรู้สึกแย่แค่ไหนรู้มั้ย
นายไม่เคยจะพูดดีๆกับฉันเลย ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นนายมักจะต่อว่าฉันออกมาเสมอ
ตอนนี้ฉันโดนทุกคนด่ามาเยอะแล้ว
ถ้านายจะมาเพื่อซ้ำเติมกันล่ะก็ฉันจะขอให้นายไม่ต้องเข้ามาใกล้ฉันอีก!”
ฮยอกแจพึ่งจะสังเกตได้ว่าคนที่อยู่ในห้องกับเขาหลั่งน้ำตาออกมาด้วยความเสียใจ
ใบหน้าเนียนซีดเผือดแม้จะไร้เสียงสะอึกสะอื้น กลีบปากบางเม้มแน่นก่อนจะระบายความรู้สึกตัวเองออกมาบ้าง
“ฉันไม่เคยว่านายเลยสักครั้งถึงฉันจะพูดมันให้นายได้ยินก็เถอะ! ที่ฉันบอกว่างี่เง่ามันคือตัวฉันเอง ฉันทำตัวงี่เง่าเองที่เอาแต่ทำตัวแสดงออกตรงข้ามกับความรู้สึกทุกครั้งไป
นายไม่รู้หรอกว่ามันทรมานแค่ไหนที่ต้องทนเห็นคนที่รักเสียใจอยู่ตรงหน้าหลายครั้งหลายคราแต่ตัวเองกลับไม่มีความกล้าจะทำอะไรสักอย่างแม้กระทั่งปลอบใจเลยก็ตาม!” ร่างอวบรัวใส่เป็นชุดก่อนจะกลับออกไปพร้อมปิดประตูห้องนอนเสียงดัง ปล่อยให้เขาได้คิดไตร่ตรองในคำพูดนั้นอย่างละเอียดดีๆ
ลีซองมิน...รักเขาหรือเนี่ย?
“หึงล่ะสิ”
ไก่แจแหย่กลับเสียจนคนฟังหน้าแดงตามชิ้นแตงโมที่กินเข้าไป
ร่างสูงถูกดีดเข้าที่ใบหูทีหนึ่งก่อนคนที่ทำร้ายร่างกายจะรีบโกยแน่บออกไปจากห้อง
ฮยอกแจขำขึ้นน้อยๆอย่างอดไม่ได้
มาลองได้เห็นอีกมุมหนึ่งของคนขวานผ่าซากจะให้บอกว่าน่ารักแบบแปลกๆดีก็คงได้
เสียงนุ่มตะโกนไล่หลังลีซองมินไป “รอหน่อยนะซองมิน!!”
ขอเวลาฉันให้มากพอที่จะลืมรยออุคให้หมดใจ...
เมื่อถึงเวลานั้นฉันสัญญาว่าจะเริ่มต้นใหม่...
และนายจะเป็นคนเดียวที่ฉันมอง...
.
.
.
บรรยากาศหวานคุกรุ่นมันเหือดหายไปตอนไหนก็ไม่ทราบได้ ชายหนุ่มทั้งสองภายในห้องนอนส่วนตัวขณะนี้ถูกห้อมล้อมด้วยอารมณ์ขุ่นมัวเมื่อต่างฝ่ายต่างยืนกรานในความคิดของตน
เหตุผลหลากหลายถูกนำเสนอมากมายยามที่ความเห็นไม่ลงรอยกัน
และมันก็เป็นสียอย่างนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้วไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็ตาม
“พี่ไม่ฟังความเห็นผมอีกแล้วนะ
ผมว่าควรเริ่มต่อจิ๊กซอว์จากกรอบก่อนมันจะได้มีขอบเขตในการหา”
รยออุคฉวยชิ้นส่วนภาพตรงขอบ 2-3 ชิ้นกำไว้ในมือ
“แต่พี่ว่าเริ่มต่อที่ตัวหลักของภาพก่อนมันงายกว่านะ
นายนั่นแหละไม่ยอมเชื่อฟังพี่” เยซองแย้งกลับ
มือแกร่งจับแขนเรียวไว้มั่นเพื่อแย่งชิ้นส่วนเหล่านั้นกลับคืน
การเล่นต่อจิ๊กซอว์ฆ่าเวลาดูท่าจะไม่ใช่ความคิดที่ดีนักเมื่อมันกลายเป็นสาเหตุให้คู่รักแห่งปีมีเหตุต้องพ่อแง่แม่งอนกันอีก
ร่างเล็กทำเป็นไม่สนใจคำค้านนั่น มือเรียวเรียงแผ่นภาพชิ้นเล็กประกอบกันเป็นกรอบสีขาวก่อนหยิบมือถือซัมซุงคู่ใจขึ้นถ่ายรูปเก็บไว้
นิ้วหยาบกร้านดีดใส่กล่องบรรจุภัณฑ์ที่สกรีนรูปการ์ตูนกระต่ายอ้วนสีดำยืนยิ้มเผล่อยู่
โทษฐานที่มาเป็นชนวนให้เขากับคนรักต้องมีเรื่องให้เถียงกันอีกแล้ว
“ทำตัวไม่น่ารักเลย” เสียงทุ้มบ่นคนที่กำลังลุ่มหลงกับการต่อจิ๊กซอว์อยู่จนเขากระเด็นออกนอกสายตาไปแล้ว
รยออุคชะงักมือทันทีที่ได้ยินคำพูดนั้น
รู้สึกเคืองขั้นจริงจังขึ้นมาตะหงิดๆจนไม่ทันฉุกคิดสักนิดก่อนพูดโต้ตอบไป “พี่ก็ไม่เห็นยอมผมเหมือนพี่ฮยอกแจเลย”
ตาคู่หวานไม่ละจากกิจกรรมตรงหน้าแม้แต่น้อย
“ว่าไงนะ”
เยซองรู้สึกเครื่องติดขึ้นมานิดๆแล้วเช่นกัน
“ถ้าพี่ไปรักหมอนั่นจริงๆขึ้นมาแล้วนายจะรู้สึก”
ร่างหนาผงะเล็กน้อยเมื่อรู้สึกตัวว่าพูดจาโดยปราศจากการยั้งคิดออกไป
ดวงตาคมหมองลงเพราะความรู้สึกผิดขณะมองร่างเล็กที่นิ่งเงียบมาสักพักแล้ว
ใบหน้าหวานหันมองมาที่คนรักช้าๆ
“พวกเราสองคน...เป็นอย่างที่พี่ฮยอกแจพูดเลยเนอะ”
เสียงหวานแผ่วเบาเสียจนราวกับกระซิบกับตัวเอง
เยซองดึงร่างเล็กเข้าสู่อ้อมกอดอุ่นทันทีที่พูดจบ
ฝ่ามือแกร่งลูบกลุ่มผมสีน้ำตาลแกมทองเบาๆคล้ายกับจะปลอบประโลม
“ต่อให้เราต้องทะเลาะกันสักกี่ล้านครั้งก็ช่าง...แค่เรามีกันและกันอยู่อย่างนี้ทุกๆวันสำหรับพี่มันก็เกินพอแล้ว”
“ผมก็เหมือนกันฮะ”
รยออุคซุกลงกับแผงอกแกร่งของคนรัก มือเรียวสวมกอดตอบรับอีกฝ่ายแนบแน่น นั่นสินะ
แค่เพียงเรามีกันและกันอยู่อย่างนี้ในทุกวัน...นั่นก็เกินพอ
...แม้จะไม่ใช่คนที่เข้ากันดี...
...แต่เราคือคนที่
‘ใช่’ ของกันและกัน...
...และมันจะเป็นอย่างนี้ไปในทุกวัน...
...เพียงแค่นั้นก็เกินพอ...
~Happy endinG~
~YeWook 4 ever~