วันจันทร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

Love No.5 ::::: White Lie ::::: IV (EnD)




รยออุครู้สึกร้อนวูบกับสิ่งที่ร่างหนาทำให้ในขณะนี้ แม้เขาจะเลือกเป็นฝ่ายไปเพื่อป้องกันความเจ็บปวดของตัวเอง แต่ลึกๆแล้วในความรู้สึกกลับโหยหาคนตรงหน้านี้อยู่ตลอด แก้มเนียนใสถูกจับต้องโดยฝ่ามือแกร่งในเวลาต่อมา ลมหายใจของร่างเล็กเริ่มสะดุดผิดจังหวะพอๆกับเสียงหัวใจเต้นถี่

“พี่คิดถึงนายจัง......รยออุค” เสียงทุ้มแห้งผาดกระซิบแผ่วจากความจริงในใจ เพียงคำสั้นๆแต่แฝงไว้ด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย...โหยหา...ต้องการ...และความเศร้า

ผมก็คิดถึงพี่...ร่างเล็กอยากจะตอบแบบนี้ออกไปนักหากแต่ติดที่ว่าเรื่องของฮยอกแจยังคอยรบกวนจิตใจเขาอยู่  ไม่อยากยอมแพ้ให้กับความต้องการของตัวเองทั้งๆที่รู้แจ้งแก่ใจว่าคนตรงหน้ารักใครอีกคนที่ไม่ใช่เขา...แต่เป็นคนที่เขาแย่งมา

นัยน์ตาทั้งสองยังสบกันนิ่งภายใต้ความมืดที่ครอบคลุมอยู่ ก่อนเยซองจะเป็นฝ่ายหักห้ามใจพลิกตัวนอนเหยียดตรง “นอนซะ ฝันดีนะ” ตรงตามคำพูด เปลือกตาหนาปิดลงเพื่อตัดความรู้สึกต่างๆที่เกิดขึ้นมาให้สิ้น มือแกร่งกำแน่นเมื่อต้องพยายามข่มตัวเองให้กลับเข้าสู่ห้วงนิทรา ก่อนใบหน้าคมจะรีบหันมองเจ้าของเสียงหวานที่เอ่ยถ้อยคำตัดการควบคุมของเขาออกมา

“ผมต้องการพี่นะ...”

กลีบปากหวานถูกถาโถมเข้าประกบด้วยจูบอันแสนดื่มด่ำและร้อนแรง เยซองส่งสิ้นร้อนเข้าซอนลึกสำรวจทั่วขณะที่ลิ้นเรียวเกี่ยวกระหวัดตอบสนองเพราะอารมณ์ที่มีไม่แพ้กัน มือแกร่งยกศีรษะร่างเล็กขึ้นเพื่อสอดแทรกความหวานอันล้ำลึก ส่วนมืออีกข้างกอบกุมหน้าอกบอบบางเอาไว้ก่อนบีบมันเบาๆ นิ้วหยาบเริ่มซุกซนสะกิดยอดอกที่ดันนูนขึ้นมาภายใต้เสื้อยืดสีขาว รยออุคครางกระเส่า เสียงหวานถูกกลืนกินให้หายไปด้วยรสจูบอีกครั้ง

เยซองถอนจูบออกก่อนไล้ริมฝีปากให้ทั่วซอกคอเนียนผสมกลิ่นสบู่อ่อนๆ นิ้วโป้งแกร่งออกแรงบดขยี้เสียจนร่างด้านใต้เสียซ่านจนต้องร้องออกมา “อะ.....อ๊า.....” มือแกร่งดึงกึ่งกระชากถอดเสื้อตัวบางนั้นออกจนตรงชายขาดเป็นแนวยาว ปากได้รูปเริ่มต้นหยอกเย้ากับยอดอกสีหวานจนชุ่มช่ำ ขณะที่มือข้างหนึ่งยังเอิ้นหยอกกับยอดอกอีกฝั่งที่เหลือ รยออุครู้สึกได้ถึงความแกร่งร้อนภายใต้กางเกงของร่างหนาเช่นเดียวกับของเขาเองที่มันร้อนขึ้นเพราะต้องการให้ถูกสัมผัส

เมื่อลิ้มรสอกบางจนสมใจแล้วกลีบปากร้อนบรรจงจูบพรมลงมาจนถึงหน้าท้องแบนราบ ร่างเล็กแอ่นสะโพกรับเมื่อเข้าใกล้ส่วนอ่อนไหวของเขาเข้าไปทุกที มือแกร่งไม่รอช้าถอดกางเกงนอนขายาวสีฟ้าอ่อนพร้อมชั้นในบางสีขาวของคนด้านล่างทิ้งไว้ข้างเตียง เผยให้เห็นส่วนอ่อนไหวที่กำลังร้อนและเครียดครัด ลิ้นร้อนไล้ลงบนแกนกายร่างเล็กก่อนจะครอบครองทั้งหมดไว้พร้อมใช้มือช่วยชักเข้าออกเป็นจังหวะ

“...อ๊า......พี่...เยซอง.....ฮึก.......อ๊ะ.....อา...”

รยออุครางพลางหอบหายใจถี่ สะโพกเนียนแอนขึ้นตามจังหวะกอบกุมที่ร่างหนามอบให้ จนในที่สุดน้ำสีขุ่นก็ผลิพุ่งออกมา ล้นร้อนเริ่มเลียไล้ทำความสะอาดจนเกลี้ยงพร้อมปลุกส่วนอ่อนไหวให้ขยายขึ้นเพราะความร้อนอีกครั้ง

“พี่ไม่ยอมให้นายสบายคนเดียวหรอกนะ...ในเมื่อพี่ยังอึดอัดอยู่เลย”

น้ำเสียงทุ้มแหบพร่าน้อยๆกระซิบบอกข้างหู ลมหายใจอุ่นประรดต้นคอให้เคลิบเคลิ้ม เยซองจัดแจงถอดเสื้อผ้าตัวเองออกบ้าง ไม่เหลือไว้ปกปิดร่างกายสักชิ้น ตาคู่หวานสำรวจแกนกายแกร่งร้อนที่ขยายเต็มขนาด ใบหน้าหวานช้อนมองผู้ที่กำลังรุกรานช่องทางด้านหลังของเขาอยู่ ยิ้วหยาบถูกส่งเข้าสำรวจโพรงอ่อนนุ่มของรยออุค จากหนึ่งค่อยๆเพิ่มขึ้นจนถึงสาม

“ชุ่มฉ่ำเชียวนะ”

“...อืม.....อ้า......ก็เข้ามาสักทีสิฮะ...”

ร่างเล็กแยกแย้มเรียวขาออกกว้าง ริมฝีปากอิ่มถูกกัดไว้เพื่อยวนเย้าอารมณ์ร่างเหนือตัวเอง แกนกายร้อนของแยซองเริ่มกระตุกตอบสนองต่อทีท่าเชิญชวนนั่น ร่างหนาจับขาเรียวของรยออุคพันรอบเอวมีมัดกล้ามของตนไว้ เจ้าตัวค่อยฝังแกนกายลงในช่องทางอ่อนนุ่มเชื่องช้าจนสุดความยาว ร่างเล็กนิ้วหน้าน้อยๆเพราะความอึดอัดในคราแรก เยซองหันมาหยอกเย้ากับยอดอกสีหวานอีกครั้งเพื่อสร้างอารมณ์วาบหวามให้แก่คนร่างเล็ก

“อ๊ะ...พี่เริ่มเถอะ.....ผม....อา.....ต้องการ”

เยซองยิ้มน้อยๆกับความต้องการจากปากร่างเล็กที่น้อยครั้งจะได้ยิน ร่างหนาเลือกที่จะไม่ขัดใจเพราะแกนกายของเขามันร้อนราวกับจะพลิพุ่งใส่คนตัวเล็กได้ทุกเมื่อ เจ้าตัวถอนกายออกมาก่อนจะกระแทกกลับเข้าไปสุดความยาวใหม่ “อ๊ะ!” เสียงหวานครางพร้อมแอ่นสะโพกรับ มือแกร่งจับสะโพกกลมไว้แน่นก่อนกระทำแบบเดิมซ้ำอีกหลายรอบ หนักหน่วงและเร็วขึ้นเรื่อยๆ

“แฮ่กๆ.....รยออุค...อา....”

“...พี่....อ๊ะๆ...อึก....พี่เยซอง....แรงอีก.....อ๊า...”

เยซองจัดการทำตามคำเรียกร้อง แกนกายร้อนขยับเข้าออกเป็นจังหวะ เช่นเดียวกับร่างเล็กที่เสียวซ่านจนต้องแอ่นสะโพกค้างไว้ มือเรียวข้างหนึ่งกำผ้าปูที่นอนแน่นขณะที่อีกข้างทั้งจิกและข่วนแผ่นหลังกว้างตามอารมณ์ที่สูบฉีดอยู่

“อ๊ะ...ผม...จะ...ไม่ไหวแล้วนะ...แฮ่กๆ....อ๊า~

“อา~.......”

เยซองเร่งสุดความเร็วก่อนทั้งสองจะถึงจุดหมายปลายทางทั้งคู่ น้ำสีขุ่นฉีดเข้าเต็มช่องทางด้านหลังเยอะเสียจนไหลย้อนออกมาเลอะผ้าปูเตียงสีขาว เช่นเดียวกับของร่างเล็กที่หลั่งออกมาเลอะกล้ามท้องเป็นมัดสวยของเยซอง ทั้งคู่หอบเหนื่อยตัวโยนหากแต่ร่างหนากลับไม่ยอมถอนแกนกายออก หนำซ้ำยังขยับเข้าออกก่อนความแกร่งร้อนจะถูกขยับขยายขึ้นมาใหม่ รยออุคคลี่ยิ้มน้อยๆที่คนตรงหน้าใจตรงกันกับเขา มือเรียวโอบกระหวัดรอบลำคอแกร่งเพื่อเตรียมเริ่มบทเพลงรักร้อนในยกถัดไป...

/ปัง!.../

ประตูห้องนอนถูกเหวี่ยงออกอย่างแรงก่อนเผยให้เห็นบุคคลที่ไม่คาดคิดว่าจะมาอยู่ที่นี่ได้ บุคคลทั้งสองที่กอดกันกลมอยู่บนเตียงถึงกับตกตะลึงตาค้าง ส่วนคยูฮยอนรีบละมือจากปลายเสื้อเชิ้ตผู้มาใหม่มาปิดตาตัวเองทั้งสองข้างไว้

ลีฮยอกแจแทบลืมวิธีหายใจเมื่อภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้ามันช่างทำร้ายจิตใจเขาเสียเหลือเกิน ใบหน้าคมรู้สึกด้านชาราวกับถูกตบหน้าเข้าฉาดใหญ่ นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนหลุบต่ำพร้อมกั้นน้ำตาเอาไว้ มือใหญ่คว้าประตูปิดกลับเข้าที่ตามเดิมก่อนทรุดลงหมดแรงกับพื้น...

...พระเจ้าครับ...

...ผมมาช้าไปใช่มั้ย?...

+++++++++++++++++++++++++

“รยออุคอยู่ที่สนามบินน่ะ เคอาร์วายต้องบินไปทำงานที่ญี่ปุ่นคืนนึง พรุ่งนี้เช้าคงกลับ” 

คำพูดของหัวหน้าวงก่อนเริ่มจัดรายการวิทยุคิสเดอะเรดิโอยังคงแจ่มชัดในหัวสมอง ร่างสูงกำกระดาษสคริปท์ในมือแน่นจนยับ ห้วงความคิดไม่ได้อยู่ติดกับงานตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย เสียงเพลงติดอับดับชาร์ทดังคลอเคล้าไปทั่วสถานีแต่หาได้เข้าหูลีฮยอกแจไม่ เขากำลังหวั่นใจอย่างมากที่รยออุคกับเยซองมีโอกาสได้ใกล้ชิดกันขนาดนี้ แม้จะมีตัวป่วนอย่างคยูฮยอนพ่วงติดไปด้วยแต่ไม่มีสิ่งใดรับประกันได้ว่าความลับของเขาจะไม่พังครืนลง

ยิ่งคิด...

ก็ยิ่งกระวนกระวายใจ...

อีทึกกดสลับสวิตช์เมื่อจบเพลงเพื่อกลับเข้าสู่รายการอีกครั้งหนึ่ง ร่างบางออกปากพูดเป็นต่อยหอยในขณะที่ฮยอกแจเพียงทำเป็นหัวเราะผสมโรงไปเท่านั้น ร่างสูงทนฝืนนั่งอยู่เฉยกับที่จนจบรายการลงโดยไม่ลืมกล่าวสโลแกนของคิสเดอะเรดิโอตบท้าย

“นายไม่สบายรึเปล่าเนี่ย? วันนี้พูดน้อยมากนะ” หัวหน้าวงเอ่ยถามถึงอาการที่แปลกไปจากปกติ มือเรียวยกขึ้นแนบกับหน้าผากคนตรงหน้า  คนถูกถามนิ่งงันไปสักพักระหว่างขบคิดอะไรบางอย่างไปด้วย

“เอ่อ...วันนี้พี่กลับหอไปก่อนเลยนะครับ ผมอยากกลับบ้านไปหาพี่โซราสักหน่อย” ฮยอกแจยกบุคคลในครอบครัวขึ้นมากล่าวอ้าง มือใหญ่คว้ากระเป๋าขึ้นสะพายก่อนรีบรุดออกจากตัวตึกสถานีทางด้านหลังที่ไม่ค่อยมีคน ร่างสูงเรียกรถแท็กซี่ที่ผ่านมาพอดีเพื่อตรงไปยังจุดหมายปลายทางสำคัญ “ไปสนามบินอินชอนครับ”

แสงไฟตามข้างทางถูกประดับไว้อย่างสวยงามตระการตา มีคู่รักหลายคู่พากันเดินจูงมือชื่นชมมันแน่นขนัดตลอดเส้นทาง นัยน์ตาสีน้ำตาลจับจ้องที่ภาพเหล่านั้นเพียงผ่านๆก่อนมือใหญ่จะหยิบโทรศัพท์มือถือคู่ใจขึ้นมากดโทรออก “ผมอยากได้ที่นั่งชั้นบิสสิเนสไปญี่ปุ่นเที่ยวที่เร็วที่สุดครับ...ตอนตีหนึ่ง?” เจ้าตัวก้มดูนาฬิกาข้อมือดิจิตอลที่ปรากฏเวลา 00.25 am อยู่ “ได้ครับ” น้ำเสียงนุ่มกรอกข้อมูลต่างๆให้คนปลายสายได้รับรู้

ถือเสียว่าเป็นโชคดีของเขาอยู่เพราะการทัวร์คอนเสิร์ตทำให้สมาชิกในวงจำต้องมีพาสปอร์ตติดตัวด้วยกันทุกคน ร่างสูงรีบรุดไปรับตั๋วเครื่องบินทันทีที่รถแท็กซี่ถึงที่หมาย ฮยอกแจผ่านกระบวนการต่างๆก่อนขึ้นเครื่องเตรียมพร้อมทะยานสู่น่านฟ้าไปยังประเทศญี่ปุ่น...

ลีฮยอกแจโทรหาผู้จัดการแทบินทันทีที่มาถึงเพื่อถามเกี่ยวกับข้อมูลที่พัก แม้จะเสียเวลาสื่อสารกับรถแท็กซี่ไปบ้างแต่ในที่สุดก็ดิ้นรนมาถึงหน้าประตูห้องพักจนได้ มือใหญ่ยกขึ้นเคาะสองสามที ไม่นานนักบานประตูไม้โอ้กสีนวลก็ถูกเปิดออกพร้อมปรากฏหน้าตางัวเงียของมักเน่ในวง

“เฮ้ย! พี่มาที่นี่ได้ไง?” คยูฮยอนตาโตใส่ผู้มาเยือนกลางดึก ยังไม่ทันได้รับคำตอบคนถูกถามก็ถือวิสาสะรุกรานเข้ามาในห้องเสียแล้ว น้องเล็กปิดประตูห้องตามหลังก่อนเดินตามฮยอกแจมาติดๆ “พี่มาทำอะไรที่นี่ตอนตี 4 เนี่ย? อีกสามชั่วโมงพวกผมก็ต้องเช็คเอาท์แล้วนะ”

“รยออุคล่ะ?”

“นอนอยู่ในห้องน่ะพี่” ร่างโปร่งตอบคำถามพลางหาวกว้างออกมา “กับพี่เยซอง ผมอยากนอนโซฟาก็เลยให้รยออุคนอนในห้.....เหวอ อะไรเนี่ย?” คยูฮยอนร้องเสียงหลงเมื่อเจ้าตัวถูกไก่ประจำวงกระชากคอเสื้ออย่างแรงจนเซ

“นาย-บอก-ว่า-ใคร-นอน-อยู่-ใน-ห้อง-กับ-ใคร-นะ?” น้ำเสียงที่เคยนุ่มนวลกดต่ำเน้นหนักชัดเจนในแต่ละพยางค์

“พี่เยซองกับรยออุค...”

มือใหญ่ปล่อยคอเสื้อคยูฮยอนให้เป็นอิสระ ลีฮยอกแจก้าวฉับๆไปยังประตูห้องนอนด้วยหัวใจที่เต้นระทึก ภาวนาเพียงให้ภาพที่เขากำลังจะได้เห็นต่อไปนี้คือความหมางเมินของคนสองคนที่ยังไม่จางหายไป

“เดี๋ยวสิพี่ สองคนนั้นคงหลับไปแล้วล่ะ มีอะไรไว้ค่อยคุยพรุ่งนี้เช้าดีกว่า” น้องเล็กยังคงเดินตามผู้เป็นพี่ต้อยๆ ฝ่ามือใหญ่เอื้อมจะคว้าแขนไว้ให้หยุดหากแต่จับได้ทันเพียงชายเสื้อเชิ้ตเท่านั้น

/ปัง!.../

ประตูห้องนอนถูกเหวี่ยงออกอย่างแรงก่อนเผยให้เห็นบุคคลที่ไม่คาดคิดว่าจะมาอยู่ที่นี่ได้ บุคคลทั้งสองที่กอดกันกลมอยู่บนเตียงถึงกับตกตะลึงตาค้าง ส่วนคยูฮยอนรีบละมือจากปลายเสื้อเชิ้ตผู้มาใหม่มาปิดตาตัวเองทั้งสองข้างไว้

ลีฮยอกแจแทบลืมวิธีหายใจเมื่อภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้ามันช่างทำร้ายจิตใจเขาเสียเหลือเกิน ใบหน้าคมรู้สึกด้านชาราวกับถูกตบหน้าเข้าฉาดใหญ่ นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนหลุบต่ำพร้อมกั้นน้ำตาเอาไว้ มือใหญ่คว้าประตูปิดกลับเข้าที่ตามเดิมก่อนทรุดลงหมดแรงกับพื้น...

...พระเจ้าครับ...

...ผมมาช้าไปใช่มั้ย?...

.
.
.

รยออุคจัดแจงสวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ร่างเล็กทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงนุ่มด้วยความเหนื่อยอ่อน ความรู้สึกเจ็บแปลบๆเล่นพล่านบริเวณสะโพก เปลือกตาบางปิดลงสักพักก่อนเปิดกลับขึ้นมาอีกครั้งพร้อมหยาดเหงื่อที่พราวผุดทั่วใบหน้าหวาน ทำอย่างไรก็สลัดแววตาเจ็บปวดของฮยอกแจทิ้งไม่ได้เสียที นัยน์ตาสีน้ำตาลคู่นั้นเริ่มคลอด้วยน้ำใสก่อนหน้าประตูห้องจะปิดลงเพียงชั่วอึดใจ ทั้งที่คนๆนั้นทำอะไรให้เขาตั้งมากมายภายในช่วงเวลาสั้นๆ แต่ดูสิ่งที่เขาตอบแทนกลับไปสิ...

การคบกับคนที่ไม่ได้รัก มันทุกข์เสียยิ่งกว่าการปล่อยให้คนที่เรารักไปมีความสุขกับคนอื่นอีกนะ...เพราะไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นยังไง นั่นก็คือสิ่งที่นายได้เลือกไปแล้ว...

ใช่แล้ว ความทุกข์จากการมองดูผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นของมันช่างทุกข์ทรมานยิ่งนัก เขากำลังทำให้คนที่รักเขาต้องเจ็บปวด และเมื่อย้อนมองความจริงอันน่าเจ็บปวดยิ่งกว่านั่นคือคนที่เขารักไม่ได้รักเขาเลย

พอเสียที...

“พี่ออกไปหาพี่ฮยอกแจเถอะ...” เสียงหวานเอ่ยขึ้นทำลายบรรยากาศเงียบสงัดภายในห้อง เยซองหันมองคนพูดขณะสวมเสื้อยืดปกปิดร่างกายกำยำ “ผมจะคืนเขาให้พี่แล้ว...ผมไม่อยากแย่งเขามาจากพี่อีกแล้ว”

“นายหมายถึงอะไร?” เยซองเอ่ยถาม เขาไม่เข้าใจสักนิดถึงเนื้อหาที่ร่างเล็กกำลังพูดกับเขาอยู่ นิ้วหยาบดันสวิตช์ไฟในห้องขึ้น แสงไฟสีนวลส่องสว่างเผยให้เห็นใบหน้าหวานหยดฉายแววอมทุกข์

“ผมขอโทษที่ผมเห็นแก่ตัว เพราะผมกลัวตัวเองจะเจ็บปวดถึงได้แย่งเขามาจากพี่ ผมไม่ต้องการแก้แค้นพี่แล้ว พี่รีบไปอธิบายให้คนที่พี่รักเข้าใจเถอะ...” หยาดน้ำตาไหลอาบแก้มเนียนทันทีที่พูดจบ รยออุคเม้มปากแน่นเพื่อกลั้นเสียงสะอื้น เขาจะไม่ร้องไห้อย่างน่าสงสารเพื่อให้คนที่รักเห็นใจ ครั้งนี้เขาจะยอมปล่อยมือและเดินออกมาแต่โดยดี

เยซองรู้สึกราวกับตนเองกำลังประสาทเสียกับสิ่งที่ได้ยิน แม้จะไม่เข้าใจถึงความหมายแต่ก็รู้ถึงใจความสุดท้ายที่มันออกจะบิดเบือนจากความจริงไปมากอยู่ ขายาวพาเจ้าของร่างมาหยุดยืนตรงหน้ารยออุคก่อนจะคุกเข่าลง นัยน์ตาดำขลับช้อนขึ้นสบสายตาหวานของคนที่นั่งอยู่ “นายบอกพี่ว่า ใคร-รัก-ใครนะ?”

.

“ไอ้ฮยอกแจ แกอย่าอยู่เลย!!

เสียงทุ้มตะโกนขึ้นทันทีที่บานประตูห้องนอนถูกเปิดออก เยซองมุ่งตรงมายังโซฟาซึ่งมีร่างของคู่กรณีนั่งอยู่ มือแกร่งกระชากคอเสื้อเชิ้ตด้วยแรงโทสะโดยที่อีกฝ่ายไม่มีทีท่าขัดขืนเลยแม้แต่น้อย หมัดหนักซัดเข้าเต็มใบหน้าหล่อเหลาของลีฮยอกแจ

“สารเลวเอ๊ย!” ร่างหนาก่นด่า เตรียมกำปั้นไว้พร้อมกระหน่ำซ้ำต่อหากแต่ถูกรยออุคกับคยูฮยอนรีบปราดเข้ามาห้ามทัพไว้เสียก่อน ดูจากสีหน้าคมแล้วหากไม่มีคนรั้งไว้คงไม่มีวันรามือเป็นแน่

“พี่เยซอง ค่อยๆคุยกันเถอะฮะ!

“พี่ครับ ใจเย็นก่อนสิ หน้าพวกเราสำคัญในการทำงานนะ!” คยูฮยอนเอ่ยระหว่างล็อกแขนแกร่งข้างหนึ่งของคนเลือดขึ้นหน้าไว้ เมื่อเห็นว่าพี่สี่ของวงสงบสติอารมณ์ไม่ได้สักทีจึงจำใจใช้คำขู่แทน “ถ้าพี่ไม่หยุดผมจะโทรหาพี่ผู้จัดการแทบินเดี๋ยวนี้เลย!

ดูเหมือนกลวิธีหลังจะได้ผลชะงัก เยซองฝืนให้ตัวเองยืนนิ่งพร้อมสะบัดแขนทั้งสองข้างจนหลุดจากการจับกุม ร่างหนาก้าวเดินหนีไปยังถังขยะใบเล็กหน้าห้องน้ำก่อนเตะมันเข้าเต็มแรงเพื่อระบายอารมณ์

“แกทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร? แค่อยากเอาชนะฉันงั้นหรอ!?” เสียงทุ้มใส่อารมณ์ลงในประโยคคำถาม นัยน์ตาคมตวัดมองคู่กรณีพร้อมกัดฟัดแน่นกรอด รยออุคจับจ้องไปยังคนตอบเช่นกัน เขาเองก็อยากจะรู้ถึงเหตุผลนั้น

“เพราะฉันรักรยออุคน่ะสิ” ฮยอกแจกล่าวออกมาอย่างไม่เกรง “มันไม่แฟร์เลยทั้งที่ฉันกับรยออุคเราดูเข้ากันได้ดีมากกว่าไม่ว่าจะด้านนิสัยหรือความคิด แต่นายกลับเป็นคนที่ได้ใจเขาไป คนอย่างนายที่เอาแต่ทำตัวงี่เง่าบ่อยๆจนรยออุคต้องเสียใจไม่รู้ตั้งกี่ครั้ง!” ร่างสูงเม้มปากแน่น “ตลอดเวลาฉันทำได้แค่เฝ้ามองอยู่ห่างๆ ได้แต่คิดว่าถ้าเป็นฉันจะไม่มีวันทำอย่างที่นายทำ ฉันจะยอมให้ทุกครั้งที่เราทะเลาะกัน ฉันจะปล่อยให้เขามีอิสระได้ตามที่เขาต้องการ.....ทั้งที่เราเหมาะสมกัน  แต่ทำไม.....ไม่ว่ายังไงรยออุคก็ยังเลือกนาย!!” นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนสะท้อนความเจ็บปวดออกมา

รยออุคยกมือทั้งสองขึ้นปิดปากตนเองก่อนปล่อยหยาดน้ำใสไหลคลอเคล้าแก้มเนียน ร่างหนารู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องเมื่อได้เห็นภาพนั้น เยซองเองก็ตระหนักถึงสิ่งที่ฮยอกแจกล่าวเสมอมา เขาถึงได้ยอมปล่อยมือง่ายๆตอนรยออุคเลือกที่จะจากไป

“ฉันรู้ตัวเองอยู่เสมอว่าเป็นผู้ชายงี่เง่าคนหนึ่ง...” เยซองยอมรับ ดวงตาคมหนักแน่นยามทอดมองยังร่างเล็กของคนรัก “ฉันรู้ว่าคงไม่สามารถเปลี่ยนนิสัยตัวเองได้แม้มันอาจทำให้เกิดปัญหาขึ้นเป็นประจำ เหมือนกับความรู้สึกที่ฉันมีต่อเขา...ฉันเลิกรักรยออุคไม่ได้”

เจ้าของชื่อเผยยิ้มหวานทั้งน้ำตาเช่นเดียวกับเยซองที่ส่งยิ้มอบอุ่นตอบกลับไปเช่นกัน ฮยอกแจเบือนหน้าหนีภาพทิ่มแทงใจตรงหน้าโดยมีคยูฮยอนยืนตบไหล่เป็นกำลังใจให้อยู่ข้างๆ “หึ” ร่างสูงแค่นหัวเราะออกมา ถึงคราวต้องยอมแพ้จริงๆแล้วสินะ...

...อะไรที่มันไม่ใช่ของๆเรามาตั้งแต่แรก

...ไม่ว่าจะดื้อดึงยื้อไว้ด้วยวิธีไหน...

...สุดท้าย...

...ก็คงต้องคืนกลับไปให้เจ้าของที่แท้จริงอยู่ดี...

++++++++++++++++++++++++++++

-1เดือนต่อมา-

อย่างที่เขาว่ากันว่าฟ้าหลังฝนย่อมเป็นอะไรที่สดใสเสมอ ชายหนุ่มร่างสูงกำลังหมกมุ่นอยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์โน้ตบุ้คสีดำมันเงายี่ห้อดัง นิ้วยาวระรัวแป้นพิมพ์เพื่อโพสข้อความอัพเดตสถานะในทวิตเตอร์ของตนเอง โดยไม่ลืมคลิกเข้าไปดูหน้าโปรไฟล์ของคนสำคัญ

ryeong9...

ฮยอกแจคลี่ยิ้มบางทันทีที่เห็นภาพถ่ายคู่ถูกอัพขึ้นไซด์ ชายหนุ่มทั้งสองในภาพพากันยิ้มกว้างให้กล้อง...เยซองกับรยออุคนั่นเอง

หลังจากพวกเขาทั้งหมดกลับจากญี่ปุ่นคงไม่ต้องบอกว่าฮยอกแจจะโดนรุมสวดยาวตั้งแต่หัวหน้าทีมผู้จัดการไล่ลำดับลงมายันหัวหน้าวงเลยทีเดียว ร่างสูงถูกกักบริเวณห้ามไม่ให้ไปไหนตามลำพังนานสามเดือน ส่วนรอยฟกช้ำตรงมุมปากเจ้าตัวก็ถูไถให้การไปว่าสะดุดล้มปากชนมุมโต๊ะพอดิบพอดีแทน

“ยังทำใจไม่ได้อีกรึไง?”

น้ำเสียงละมุนแฝงไว้ด้วยความกวนประสาทเอ่ยถามขึ้นจากทางด้านหลัง คนถูกถามเหลียวมองก็พบลีซองมินเดินเข้ามาในห้องพร้อมจานบรรจุผลไม้หั่นเรียงรายไว้สวยงาม หนุ่มกระต่ายทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงนุ่มก่อนหยิบแตงโมชิ้นเล็กเข้าปาก

ฮยอกแจนึกถึงเหตุการณ์หนึ่งหลังเขากลับมาจากญี่ปุ่นได้ไม่นาน...

ชายหนุ่มร่างสูงนั่งนิ่งอยู่บนเตียงนอนนุ่มของตนเอง นัยน์ตาที่เคยฉายแววขี้เล่นบัดนี้มีแต่ความหม่นหมองแสดงออกมา แม้รยออุคจะไม่ติดใจเอาความแต่สิ่งที่เขาทำลงไปเป็นผลให้เข้าหน้าสองคนนั้นไม่ติดเท่าไหร่ จมูกโด่งได้รูปถอนหายใจออกมาเมื่อดวงตาคมมักเผลอมองไปยังเตียงนอนว่างเปล่าที่ที่ร่างเล็กเคยนอนอยู่ทุกครั้งไป

“จะไม่ออกไปกินข้าวเย็นหน่อยหรอ?” เสียงใสจากลีซองมินขัดห้วงจังหวะความคิดให้หยุดลงเพียงแค่นั้น ฮยอกแจส่ายหน้าน้อยๆแทนคำตอบด้วยท่าทีเลื่อนลอย ดวงตากลมโตสำรวจทุกอิริยาบถของคนตรงหน้าก่อนสบถขึ้นมาเบาๆ “งี่เง่า...”

เหมือนเส้นความอดทนที่มีมาต่อเพื่อนร่วมวงคนนี้ได้ขาดผึงลง แรงโทสะเริ่มเข้าครอบงำทำให้ร่างสูงไร้ความยับยั้งชั่งใจก่อนพูดไป “ออกไปห่างๆฉันเลยนะซองมิน คำพูดของนายแต่ละครั้งมันทำให้ฉันรู้สึกแย่แค่ไหนรู้มั้ย นายไม่เคยจะพูดดีๆกับฉันเลย ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นนายมักจะต่อว่าฉันออกมาเสมอ ตอนนี้ฉันโดนทุกคนด่ามาเยอะแล้ว ถ้านายจะมาเพื่อซ้ำเติมกันล่ะก็ฉันจะขอให้นายไม่ต้องเข้ามาใกล้ฉันอีก!

ฮยอกแจพึ่งจะสังเกตได้ว่าคนที่อยู่ในห้องกับเขาหลั่งน้ำตาออกมาด้วยความเสียใจ ใบหน้าเนียนซีดเผือดแม้จะไร้เสียงสะอึกสะอื้น กลีบปากบางเม้มแน่นก่อนจะระบายความรู้สึกตัวเองออกมาบ้าง

“ฉันไม่เคยว่านายเลยสักครั้งถึงฉันจะพูดมันให้นายได้ยินก็เถอะ! ที่ฉันบอกว่างี่เง่ามันคือตัวฉันเอง ฉันทำตัวงี่เง่าเองที่เอาแต่ทำตัวแสดงออกตรงข้ามกับความรู้สึกทุกครั้งไป นายไม่รู้หรอกว่ามันทรมานแค่ไหนที่ต้องทนเห็นคนที่รักเสียใจอยู่ตรงหน้าหลายครั้งหลายคราแต่ตัวเองกลับไม่มีความกล้าจะทำอะไรสักอย่างแม้กระทั่งปลอบใจเลยก็ตาม!” ร่างอวบรัวใส่เป็นชุดก่อนจะกลับออกไปพร้อมปิดประตูห้องนอนเสียงดัง ปล่อยให้เขาได้คิดไตร่ตรองในคำพูดนั้นอย่างละเอียดดีๆ

ลีซองมิน...รักเขาหรือเนี่ย?   

“หึงล่ะสิ” ไก่แจแหย่กลับเสียจนคนฟังหน้าแดงตามชิ้นแตงโมที่กินเข้าไป ร่างสูงถูกดีดเข้าที่ใบหูทีหนึ่งก่อนคนที่ทำร้ายร่างกายจะรีบโกยแน่บออกไปจากห้อง ฮยอกแจขำขึ้นน้อยๆอย่างอดไม่ได้ มาลองได้เห็นอีกมุมหนึ่งของคนขวานผ่าซากจะให้บอกว่าน่ารักแบบแปลกๆดีก็คงได้ เสียงนุ่มตะโกนไล่หลังลีซองมินไป “รอหน่อยนะซองมิน!!

ขอเวลาฉันให้มากพอที่จะลืมรยออุคให้หมดใจ...

เมื่อถึงเวลานั้นฉันสัญญาว่าจะเริ่มต้นใหม่...

และนายจะเป็นคนเดียวที่ฉันมอง...

.
.
.

บรรยากาศหวานคุกรุ่นมันเหือดหายไปตอนไหนก็ไม่ทราบได้  ชายหนุ่มทั้งสองภายในห้องนอนส่วนตัวขณะนี้ถูกห้อมล้อมด้วยอารมณ์ขุ่นมัวเมื่อต่างฝ่ายต่างยืนกรานในความคิดของตน เหตุผลหลากหลายถูกนำเสนอมากมายยามที่ความเห็นไม่ลงรอยกัน และมันก็เป็นสียอย่างนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้วไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็ตาม

“พี่ไม่ฟังความเห็นผมอีกแล้วนะ ผมว่าควรเริ่มต่อจิ๊กซอว์จากกรอบก่อนมันจะได้มีขอบเขตในการหา” รยออุคฉวยชิ้นส่วนภาพตรงขอบ 2-3 ชิ้นกำไว้ในมือ

“แต่พี่ว่าเริ่มต่อที่ตัวหลักของภาพก่อนมันงายกว่านะ นายนั่นแหละไม่ยอมเชื่อฟังพี่” เยซองแย้งกลับ มือแกร่งจับแขนเรียวไว้มั่นเพื่อแย่งชิ้นส่วนเหล่านั้นกลับคืน

การเล่นต่อจิ๊กซอว์ฆ่าเวลาดูท่าจะไม่ใช่ความคิดที่ดีนักเมื่อมันกลายเป็นสาเหตุให้คู่รักแห่งปีมีเหตุต้องพ่อแง่แม่งอนกันอีก ร่างเล็กทำเป็นไม่สนใจคำค้านนั่น มือเรียวเรียงแผ่นภาพชิ้นเล็กประกอบกันเป็นกรอบสีขาวก่อนหยิบมือถือซัมซุงคู่ใจขึ้นถ่ายรูปเก็บไว้

นิ้วหยาบกร้านดีดใส่กล่องบรรจุภัณฑ์ที่สกรีนรูปการ์ตูนกระต่ายอ้วนสีดำยืนยิ้มเผล่อยู่ โทษฐานที่มาเป็นชนวนให้เขากับคนรักต้องมีเรื่องให้เถียงกันอีกแล้ว “ทำตัวไม่น่ารักเลย” เสียงทุ้มบ่นคนที่กำลังลุ่มหลงกับการต่อจิ๊กซอว์อยู่จนเขากระเด็นออกนอกสายตาไปแล้ว

รยออุคชะงักมือทันทีที่ได้ยินคำพูดนั้น รู้สึกเคืองขั้นจริงจังขึ้นมาตะหงิดๆจนไม่ทันฉุกคิดสักนิดก่อนพูดโต้ตอบไป  “พี่ก็ไม่เห็นยอมผมเหมือนพี่ฮยอกแจเลย” ตาคู่หวานไม่ละจากกิจกรรมตรงหน้าแม้แต่น้อย

“ว่าไงนะ” เยซองรู้สึกเครื่องติดขึ้นมานิดๆแล้วเช่นกัน “ถ้าพี่ไปรักหมอนั่นจริงๆขึ้นมาแล้วนายจะรู้สึก” ร่างหนาผงะเล็กน้อยเมื่อรู้สึกตัวว่าพูดจาโดยปราศจากการยั้งคิดออกไป ดวงตาคมหมองลงเพราะความรู้สึกผิดขณะมองร่างเล็กที่นิ่งเงียบมาสักพักแล้ว

ใบหน้าหวานหันมองมาที่คนรักช้าๆ “พวกเราสองคน...เป็นอย่างที่พี่ฮยอกแจพูดเลยเนอะ” เสียงหวานแผ่วเบาเสียจนราวกับกระซิบกับตัวเอง เยซองดึงร่างเล็กเข้าสู่อ้อมกอดอุ่นทันทีที่พูดจบ ฝ่ามือแกร่งลูบกลุ่มผมสีน้ำตาลแกมทองเบาๆคล้ายกับจะปลอบประโลม

“ต่อให้เราต้องทะเลาะกันสักกี่ล้านครั้งก็ช่าง...แค่เรามีกันและกันอยู่อย่างนี้ทุกๆวันสำหรับพี่มันก็เกินพอแล้ว”

“ผมก็เหมือนกันฮะ” รยออุคซุกลงกับแผงอกแกร่งของคนรัก  มือเรียวสวมกอดตอบรับอีกฝ่ายแนบแน่น นั่นสินะ แค่เพียงเรามีกันและกันอยู่อย่างนี้ในทุกวัน...นั่นก็เกินพอ

...แม้จะไม่ใช่คนที่เข้ากันดี...

...แต่เราคือคนที่ ใช่ ของกันและกัน...

...และมันจะเป็นอย่างนี้ไปในทุกวัน...

...เพียงแค่นั้นก็เกินพอ...




~Happy  endinG~

~YeWook 4 ever~